วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

The Hunger Games : Mockingjay - Part 2

Entertain ReView – The Hunger Games : Mockingjay - Part 2 ------- ข้อความบางส่วนจะเป็นการเปิดเผยเนื้อหาภาพยนตร์ ใครไม่อยากรู้เรื่องก่อนข้ามได้เลยครับ




น่าจะเป็นเรื่องที่ 2 จากวรรณกรรมเยาวชนที่สามารถทำให้ครบทั้งหมดเท่าที่หนังสือออกและประสบความสำเร็จ ต่อจากพ่อมดน้อย (พอจบก็เป็นพ่อมดหนุ่มเลย) ต่อจากความเดิมใน Part 1 ที่เหมือนการปูเนื้อเรื่องเพื่อนำร่องสู้การต่อสู้ใน Part 2 ยังกลัวว่าจะเป็นแบบใน The Matrix: Reloaded จัดเต็มความสนุกแต่ใน The Matrix: Revolution กลับมีเนื้อหาแบบหลวมๆ ยังพอสนุกได้บ้างกับตอนท้ายของเรื่อง

The Hunger Games : Mockingjay - Part 2 การรบกับแคปิตอลของ “แคทนิสส์” เต็มไปด้วยความยากลำบาก ต้องร่วมรบกับ “เกล ฮอว์ธอร์น” ทำหน้าที่วางแผนการรบและฟังคำสั่งทั้งจาก “อัลม่า คอยน์” และ “พลูทาร์ช เฮเว่นบีส์” ที่ทำหน้าเป็นผู้วางหมากการรบ
ภาพยนตร์ใช้เวลาในตอนต้นเพื่อเริ่มปูทางอาจรู้สึกถึงความเนือยไปบ้าง แต่ใครรับได้จาก Part 1 มาก่อนแล้ว ระยะเวลาเพื่อความสมบูรณ์อีกเล็กน้อยไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด และเมื่อเริ่มเข้าสู่การบุก “แคปิตอล” อย่างที่ “ฟินนิค” บอกไว้ว่า “ยินดีต้อนรับสู่ฮังเกอร์เกมส์ครั้งที่ 76” ทำให้ภาพยนตร์กลับมาสนุกอย่างใน The Hunger Games และ The Hunger Games: Catching Fire ที่มีฉากการสู้รบให้ได้ชมกัน โดยเฉพาะการผ่านด่าน “พ็อด” และ “ท่อน้ำใต้ดิน” ให้ความลุ้นระทึกได้ดีมาก แถมด้วยการโฆษณาชวนเชื่อจากทั้งสองฝ่าย เป็นการชิงพื้นที่สื่ออย่างเห็นได้ชัด

สลับฉากการต่อสู้ด้วยความเป็นดราม่าว่าด้วยเรื่อง “รักสามเส้า” และ “การช่วงชิงอำนาจ” ในจังหวะสลับกันไปเรื่อยๆในช่วงเวลาพอดี ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป กลายเป็นภาพยนตร์ที่เรียกได้ว่า “รักระหว่างรบ” พอผู้ชมได้หยุดเหนื่อยกับสงครามก็มาเจอปัญหาเรื่องความรักต่อ ประมาณว่ามีประเด็นได้ตลอดทั้งเรื่อง

น้ำหนักตัวละครหลักคือ “แคทนิสส์”, “พีต้า” และ “เกล” ค่อนไปทาง 2 ตัวแรกมากกว่าด้วย ชดเชยจากการที่ “พีต้า” หายไปเยอะจาก Part 1 รายละเอียดปลีกย่อยแผนการรบที่ปูไว้ตอนต้นเรื่องถูกนำมาใช้ในจุดไคลแม็กซ์แรกเป็นการปิดฉากการรบ จะว่าไปแล้วแฟรนไชส์ Hunger Games ไม่มีฉากการรบที่ “แคทนิสส์” ต้องสู้กับผู้ร้ายในแบบที่ตัวเอกต้องสู้ในแบบซูเปอร์ฮีโร่ ภาพยนตร์จะเล่าเป็นการบอกผ่านจากตัวละครอื่นหรือเหตุการณ์ที่รับรู้จากสถานการณ์ในเรื่อง ผมยังคิดว่าจะได้เห็น “แคทนิสส์” บุกเข้าไปในบ้าน “สโนว์” และตัดสินกันตรงนั้น แต่ไม่มีฉากนั้นในภาพยนตร์ แต่อย่างน้อยยังคงปรากฎฉากสนทนาของ “แคทนิสส์” กับ “สโนว์” ที่รายหลังยอมรับความพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง

ไคลแม็กซ์ที่ 2 คือวันประหาร “สโนว์” จุดเปลี่ยนของ “พาเน็ม” เป็นการเลือกของ “แคทนิสส์” ที่กลายเป็นเครื่องมือหรือหมากในกระดานของทั้ง “สโนว์” และ “คอยน์” บทหาทางออกให้กับตัวละครที่ต้องสูญเสียทั้งเพื่อนและคนรู้จักไปอย่างมากมาย รวมถึงน้องสาวที่เธออยากจะปกป้องตั้งแต่ที่แรก ถึงได้เข้าร่วม “เกมล่าคน” ขอเพียงได้ล้างแค้นเท่านั้น เพราะชีวิตที่ตื่นขึ้นมาหลังจากสงคราม มันไม่มีอะไรเหลืออีกต่อไปแล้ว........ แม้จะเป็นวรรณกรรมเยาวชนก็ยังสื่อได้ว่าไม่มีใครชนะในสงครามมีแต่การสูญเสียเท่านั้น

ความยาวของภาพยนตร์ 2 ชั่วโมง 17 นาที ปกติถือว่ายาวอยู่ แต่การดูครั้งนี้ผมว่ามันเพลินได้กับเนื้อเรื่องที่เดินไปข้างหน้าอย่างมีที่มาและที่ไป (อาจมีอืดเล็กน้อย) แต่ความสนุกมาพร้อมกับความเป็นดราม่า และไม่ได้จำเป็นว่าต้องจบให้สวยงามไปหมดทุกอย่าง สำหรับผู้ที่ไม่ฝักใฝ่ในอำนาจและความนับหน้าถือตา เพียงต้องการอยู่กันเป็นครอบครัวที่อบอุ่นเท่านั้นเอง ซึ่งตอนหลังเธอก็ได้อยู่กับครอบครัวที่เธอรักในที่สุด#Real

ขอขอบคุณ WALKER Ent. update อีกครั้งครับ


เฟซบุ๊ค EntertainView : https://www.facebook.com/Entertainview-172702066075577/

#EntertainView #TheHungerGames#MockingjayPart2 #JenniferLawrence#KatnissEverdeen