วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2559

Spotlight คนข่าวคลั่ง


Entertain Review – Spotlight “คนข่าวคลั่ง” ------- ข้อความบางส่วนจะเป็นการเปิดเผยเนื้อหาภาพยนตร์ ใครไม่อยากรู้เรื่องก่อนข้ามได้เลยครับ

จุดเด่นคือทีมนักแสดงอย่าง ไมเคิล คีตั้น รับบทหัวหน้าทีมสป็อตไลท์ “วอลเตอร์ โรบินสัน” หรือ “ร็อบบี้” ได้รับการยอมรับจากภาพยนตร์ Birdman , มาร์ค รัฟฟาโล่ , ราเชล แม็คอดัมส์ , ลีฟ ชไรเบอร์ และ สแตนลีย์ ทุชชี่

เนื้อเรื่องคือการสอบสวนคดีการลวนลามทางเพศของบาทหลวงในคริสต์จักร เปิดเรื่องมาอย่างน้อยก็ไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ ผลักให้มาอยู่ในสถานการณ์ให้รับรู้กันว่า เคยทำคดีนี้ไปก่อนแล้วแต่ไม่ถึงไหน พร้อมกับการเปลี่ยนผ่านบรรณาธิการคนใหม่ที่เสมือนเป็นคนนอก คือการย้ายมาจากแหล่งที่อยู่อื่นทีไม่ใช่ชาวบอสตันและมีเชื้อสายยิว แสดงโดย ลีฟ ชไรเบอร์ ในบท “มาร์ตี้ บารอน”
มองได้สองด้านคือ ทีมข่าวได้รับแรงกระตุ้นให้รีเวิร์คงานที่เคยทำโดยหัวหน้าคนใหม่ที่มีมุมมองที่แตกต่างได้เพิ่มแรงกดดันในการทำงาน ทำให้สามารถได้ข้อมูลใหม่มาเพิ่มเติม หรือหัวหน้าคนใหม่เพียงต้องการผลงานกระชากเรทติ้ง

ในภาพยนตร์ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถแต่ละตัวละคร แยกกันทำหน้าที่ทั้งสืบหาข้อมูลทั้งจากเหยื่อ หลักฐานเอกสาร และล้วงลึกไปที่เหล่าทนายที่เป็นผู้ว่าความ แต่เนื่องจากมีตัวละครเยอะ อาจทำให้ผู้ชมตามไม่ทันว่าแต่ละคนนั้นชื่ออะไรกันบ้าง ไมเคิล คีตั้น ถ้าเทียบกับบทจากภาพยนตร์ Birdman ยังติดตามากกว่าเยอะ, ราเชล แม็คอดัมส์ นานๆจะเห็นมาในแบบไม่ต้องห่วงสวยและลุยภาคสนาม เช่นเดียวกับ มาร์ค รัฟฟาโล่ ถอดความเป็น “บรู๊ซ แบนเนอร์” ออกไปจนหมด ออกลุยไล่ล่าข้อมูลและแต่ละฉากที่เข้ากับ สแตนลีย์ ทุชชี่ รับบท “มิทเชลล์ การาเบเดี้ยน” ทนายผู้ที่เคยทำคดีต่อสู้กับคริสตจักรมาก่อน ทำให้เป็นคู่ที่รับส่งบทสนทนากันได้หนักแน่นทีเดียว

ในตอนแรกคิดว่า ลีฟ ชไรเบอร์ จะมีบทบาทเป็นผู้เดินเรื่องหลัก เนื่องจากฉากเริ่มเป็นการหยั่งเชิงระหว่าง “มาร์ตี้” กับ “ร็อบบี้” ของ คีตั้น ด้วยท่าทางการพูดที่นิ่งและประโยคที่กล่าวออกมาเหมือนเรียบเรียงไว้เป็นอย่างดี กลายเป็นตัวละครที่เป็นรองไปเพราะโผล่ตอนแรกแล้วมาอีกครั้งกลางเรื่อง ทำให้ลืมนึกถึงตัวละครนี้ไปเลย 

ในฉากกลางเรื่องและในตอนท้ายก็คิดว่าจะมีการกลบเกลื่อนคดีแบบ L.A.Confidential เพียงแต่ถ้าทำแบบนั้นจะทำให้ภาพยนตร์กลายเป็นหนังธรรมดาทั่วไปไม่แตกต่าง นอกจากนี้ภาพยนตร์ไม่ได้เสนอมุมมองของทางด้านบาทหลวงที่ทางบอสตั้นโกลบถามไปในตอนท้าย ก็ด้วยเหมือนกันคือหากทำแบบนั้นจะกลายเป็น Angels & Demons ไปด้วย

เมื่อเดินเรื่องมาถึงฉากสุดท้าย ภาพยนตร์กลับไม่ได้ให้ข้อสรุปอะไร แต่ทำให้เห็นว่าการทำข่าวสิ้นสุดด้วยการส่งหนังสือพิมพ์ที่ตีพิมพ์ออกสู่สาธารณะได้สำเร็จและมีการตอบรับมาทางโทรศัพท์อย่างไม่หยุดหย่อน

ส่วนตัวค่อนข้างตั้งความหวังไว้มากจากคำกล่าวที่ว่าเป็นตัวเต็งภาพยนตร์ยอดเยี่ยมออสการ์ในปีนี้ บทภาพยนตร์น่าติดตามเพราะมาจากตัวละครที่แสดงมากกว่าน่าติดตามเพราะมาจากบทของตัวมันเอง ไม่ได้เท่าที่คิดแต่ไม่ได้ผิดหวังครับ....

ขอขอบคุณ WALKER Ent. update อีกครั้งครับ

Facebook Entertainview - https://www.facebook.com/Entertainview-172702066075577/

วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2559

The Peanuts Movie “สนูปี้ แอนด์ ชาร์ลี บราวน์ เดอะ พีนัทส์ มูฟวี่”

Entertain Review – The Peanuts Movie “สนูปี้ แอนด์ ชาร์ลี บราวน์ เดอะ พีนัทส์ มูฟวี่” ------- ข้อความบางส่วนจะเป็นการเปิดเผยเนื้อหาภาพยนตร์ ใครไม่อยากรู้เรื่องก่อนข้ามได้เลยครับ

เปิดต้นปี 2559 ด้วยการเข้าไปดูหนังอนิเมชั่นน่ารัก ส่วนตัวไม่ค่อยได้อ่านสนูปี้เท่าไหร่ ไม่คิดว่าจะมีตัวละครมากมายหลากหลายขนาดนี้ รู้จักแค่ “สนูปี้” กับ “ชาร์ลี บราวน์” และผู้แต่งที่เคยอ่านประวัติแบบย่อคือ ชาร์ลส ชูลซ์ ที่เขาเปรียบตนเองเหมือน “ชาร์ลี บราวน์” ที่โดนคนอื่นกลั่นแกล้งและเอาเปรียบ

ใครไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ก็ไม่เป็นไร เพราะเนื้อเรื่องอธิบายลักษณะแต่ละตัวละครไว้อย่างชัดเจน โดยตัวละครหลักคือ “ชาร์ลี บราวน์” เด็กไม่เอาไหน ทำอะไรก็ไม่ค่อยจะสำเร็จ ทำให้ว่าวขึ้นสู่ท้องฟ้าก็ไม่ได้ สอบคะแนนก็แย่ แต่...ทุกคนก็ยังเรียกเขาออกไปเล่น ทำไมนะเหรอครับ? ก็เขาเป็นคนง่ายๆ เพื่อนอยากทำอะไรก็ทำด้วยก็ได้ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาอยากพิสูจน์ตนเองว่า เขาก็สามารถเป็นคนพิเศษสำหรับเด็กสาวผมแดงบ้านฝั่งตรงกันข้ามที่ย้ายมาใหม่

เริ่มต้นด้วยการเล่นมายากล แต่เมื่อน้องสาวลำบาก เขาไม่ลังเลที่จะเสียสละการช่วงเวลาแสดงของเขาเอง ตามด้วยเรื่องของการเต้นรำในโรงเรียน จากนั้นคือการยอมรับประกาศคะแนนที่ผิดพลาด เขามีความกล้าที่จะประกาศว่านั่นไม่ใช่ผลสอบของเขา และ การทำรายงานกลุ่มเพียงคนเดียวเนื่องจากเพื่อนติดธุระดูแลญาติที่ป่วย ทำให้เพื่อนยอมรับว่าเขาสามารถอ่านหนังสือเล่มหนาและมีความสามารถจับใจความพร้อมส่งคุณครูได้ แม้รายงานฉบับนั้นจะจบลงแบบไม่ค่อยดีนัก และในทุกการกระทำของ “ชาร์ลี บราวน์” ล้วนแต่เริ่มจากการฝึกซ้อมทั้งนั้น ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่ตอนแรก

ประเด็นคือ คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเพื่อเป็น “ใครสักคน” เพียงแค่คุณยอมรับที่ “คุณเป็นคุณ” แล้วทุกคนก็จะยอมรับในตัวคุณเอง ดูจบแล้วผมนึกถึง “โนบิตะ” ที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน เรียนไม่เก่ง สอบตกตลอด กีฬาไม่คล่อง รู้สึกว่าตนเองด้อยกว่าคนอื่น และไม่ใช่เพราะ “โดราเอมอน” หรือ “เซวาชิ” ทำให้เขาเป็นคนพิเศษ เพียงเพราะ “โนบิตะ” เป็นคนดีต่างหาก ทุกคนถึงยังอยากช่วยเหลือเขาตลอดเวลา

เนื้อเรื่องหลักอยู่ที่ “ชาร์ลี บราวน์” ส่วน “สนูปี้” และ “วู๊ดสต็อค” จะทำหน้าที่คอยเสริมทัพ เติมแต่งความน่ารักและความคิดผ่านทางจินตนาการ ทำให้หนังไม่ดูกลายเป็นดราม่าของเด็กชายคนหนึ่ง และตัวละครเด็กตัวอื่นๆอย่าง “ไลนัส” , “ลูซี่”, “พิกเพ็น”, “ไวโอเล็ต”, “ชโรเดอร์”, “มาร์ซี่”, “แฟรงคลิน” และ “แพ็ตตี้” ที่เข้ามาก็เป็นส่วนเติมเต็มในชีวิตประจำวันของ “ชาร์ลี บราวน์”

สรุปคือเป็นอนิเมชั่นน่ารักแบบใสๆ ไม่มีพิษภัยแต่อาจปนการเสียดสีเล็กน้อยของสังคมในยุคปัจจุบันของพวกเซเลบทั้งหลาย แต่เมื่อนำเสนอผ่านมุมมองของเด็ก จึงกลายเป็นเรื่องน่าเอ็นดูแทน อย่าคิดมากความยาวเพียง 1 ชั่วโมงครึ่ง แถมตอนต้นมีภาพยนตร์พิเศษ Ice Age ของเจ้าสแคร็ทช์ให้ชมอีกด้วยก่อนการมาถึงของภาคที่ 5 Ice Age: Collision Course ครับ

** ชอบภาพที่เพื่อนๆอุ้ม ชาร์ลี บราวน์ มากครับ แทนความหมายได้ทั้งหมด....

facebook entertainview : https://www.facebook.com/Entertainview-172702066075577/