สิ่งที่อยากดูมากกว่าเนื้อเรื่องคือนักแสดงที่กลับมารับบทแบทแมนอีกครั้งอย่าง ไมเคิล คีตัน เพราะสมัยยุค 90 Batman ของผู้กำกับกับ ทิม เบอร์ตัน กว่าจะได้เข้าโรงฉายก็มีวีดีโอออกมาจากร้านแมงป่องซะแล้ว ในไทย Batman เข้าฉายพร้อมๆกับ Back to the Future Part II (ไมเคิล เจ.ฟ็อกซ์นะ ไม่ใช่ อีริค สโตลช์)
ใครเป็นสาวกดีซีคงพอจะรู้ว่านำโครงเรื่องมาจาก Justice League: Flashpoint Paradox แกนเรื่องคร่าวๆ นำมาปรับเปลี่ยนอะไรบ้างตามความต้องการของทีมงาน (ความโหดเทียบกับ Flashpoint Paradox ไม่ได้ แนะนำให้หามาดูครับ) เวอร์ชั่นหนังกับทีวีซีรีส์ออกคนละอารมณ์เลย เอซร่า มิลเลอร์ เป็นเวอร์ชั่นที่มีมุกตลกแทรก ดราม่าก็แสดงได้ดีเหมือนกัน และ แกรนท์ กัสติน เป็นเวอร์ชั่นแบบสาระเยอะหน่อย จริงจัง นุ่มนวล ปมในใจของ แบร์รี่ อัลเลน คือต้องการให้แม่กลับมาอยู่ในชีวิตทั้งในหนังและซีรีส์ เป็นอีกประเด็นที่มีการทำซ้ำบ่อยๆเหมือน ดาวคริปตันระเบิด-คาเอลเดินทางโลก การตายของโธมัสและมาร์ธาในตรอก-บรู๊ซกลายเป็นเด็กกำพร้า ลุงเบ็นถูกผู้ร้ายฆ่าตาย-ปีเตอร์รู้สึกถึงพลังและความรับผิดชอบ
ส่วนที่ทำให้ชอบมากและมากกว่าเนื้อเรื่องด้วย คือบรรดานักแสดงรับเชิญทั้งหลาย (เน้นว่าหลายๆคน) รองลงมาคือการนำเสนอมัลติเวิร์ส นำเสนอผลงานทั้งที่เคยผลิตออกมาจริงและไม่เคยได้ผลิตออกมา (แม้ว่าระดับซีจีจะใส่มาแบบพอได้เท่านั้น)
ไม่แปลกถ้านักแสดงไมเคิล แชนน่อน นายพลซ็อดจะให้สัมภาษณ์ว่าไม่ค่อยพอใจกับมิติตัวละครใน The Flash เท่าไหร่ (คงต้องทำใจเพราะนักแสดงรายอื่นก็ได้แค่นี้เหมือนกัน) เขาเน้นโปรโมท Batman กับ Super Girl ดีที่ว่า Batman ได้บทเยอะหน่อย แอ็คชั่นปรับให้เข้ากับยุคนี้ เพราะถ้าสู้แบบต้นฉบับมีหวังปลิวก่อนแน่นอน แต่สุดท้ายก็ชะตากรรมเดียวกับแทบทั้งสิ้น ยังคิดถึงนักแสดงไมเคิล กัฟ (อัลเฟรด เพ็นนีเวิรธ์ฉบับทิม เบอร์ตัน) ถ้ายังมีชีวิตอยู่น่าจะมีโอกาสได้กลับมาพร้อม คีตัน
#TheFlash #EzraMiller #MichaelKeaton #SashaCalle
#BenAffleck #JeremyIrons #MichaelShannon
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น