วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Night at the Museum: Secret of the Tomb


ในยุค 90 หากจะดูหนังครอบครัวตลก คงต้องยกให้ โรบิน วิลเลี่ยมส์ ไม่ว่าจะเป็น Mrs.Doubtfire, Jumanji หรือ Hook วิลเลี่ยมส์เป็นนักแสดงที่มาจากทีวีซีรีส์ Mork & Mindy หรือบทดราม่าอย่าง Good Morning Vietnam, Dead Poets Society (เรื่องโปรดของผมเลย) , Good Will Hunting เมื่อดู Night at the Museum ภาคแรกจึงเหมือนการส่งต่อไม้อย่างเป็นทางการสำหรับผม ในขณะที่ เบ็น สติลเลอร์ เป็นทั้งผู้กำกับและนักแสดง ได้รู้จักกันจริงจังจาก  There's Something About Mary ประกบ คาเมรอน ดิอาซ หลังจากนั้นก็มีหนังสุดฮิตอย่าง Meet the Parents และการพากษ์เสียง "อเล็กซ์" ในการ์ตูน Madagascars 

สิ่งที่ผมคาดหวังคือการที่จะให้หนังมีบทที่เสริมความสนุกให้กันระหว่าง เบ็น กับ โรบิน นั่นเป็นสิ่งที่ผมคิดว่ามันหายไปในเรื่องนี้ เพราะผู้กำกับดันบท "ลา" (ที่แสดงโดย เบ็น สติลเลอร์ เหมือนกัน) ให้เป็นตัวละครยิงมุขแทน 

เปิดฉายในสหรัฐอเมริกาด้วยรายได้ 17 ล้านเหรียญ Night at the Museum: Secret of the Tomb “ความลับสุสานอัศจรรย์” เบน สติลเลอร์ กลับมารับบท “แลร์รี่ ดาลีย์” อีกครั้ง พร้อมกับทีมนักแสดงที่คุ้นเคยอย่าง โอเว่น วิลสัน, สตีฟ คูแกน และ นักแสดงผู้ล่วงลับ โรบิน วิลเลี่ยมส์ ภายใต้การกำกับของ ชอว์น เลวี่


“แลร์รี่” ต้องออกเดินทางไปยังพิพิธภัณฑ์ในประเทศอังกฤษเพื่อหาทางแก้ไขการเสื่อมพลังของศิลาจารึกตามที่ “อัห์คเมนราห์” ได้บอกไว้ว่าต้องถามพระราชบิดา “เมเรนคาห์ร” เพียงอย่างเดียว การเดินทางทำให้เขาได้พบกับพนักงานเฝ้ายามหญิง “ทิลลี่” และหุ่นขี้ผึ้ง “เซอร์แลนซาล็อต” 
สองนักแสดงคู่หู โอเว่น วิลสัน กับบทคาวบอย “เจดไดอาห์” และ สตีฟ คูแกน นักรบแห่งโรมัน “อ็อคเทเวียส” และที่ขาดไม่ได้คือตัวละครลิง  “เด็กซ์เตอร์”  (ผมฮากับ 3 ตัวละครนี้ที่สุดตอนช่วงเมืองปอมเปอี ^^)

การผสมผสานกับงานซีจีที่ทำกันมาถึงภาคที่ 3 ทำให้ความสดใหม่หรือความตื่นตาถูกลดทอนลงไป แต่ไม่ได้หมายความว่าหนังนั้นไม่สนุก  ตัวหนังนั้นพยายามนำเสนอประเด็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง “แลร์รี่” และ “นิค” พ่อและลูกชายที่เป็นวัยรุ่นที่อยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะทำงานหรือเรียนต่อ  เชื่อมโยงไปถึง “ลา” ที่คิดว่าเขาเป็นลูกชาย “แลร์รี่” เหมือนกันเพราะหน้าตา และ “อัห์คเมนราห์” กับพระราชบิดา ที่ผมคิดว่า 2 ตัวละครหลังนี้ หนังไม่ค่อยแสดงให้รู้สึกถึงความสัมพันธ์มากสักเท่าไหร่  ส่วนตัวละคร “ทิลลี่” ของนักแสดงหญิง รีเบล วิลสัน น่าจะใช้ประโยชน์จากความสามารถเธอได้มากกว่านี้  

ประเมินจากรายได้ภาพยนตร์ในสหรัฐฯ น่าจะเป็นการปิดไตรภาคอย่างเป็นทางการแล้ว ตัวเลขเปิดตัวไม่สามารถเทียบได้กับสองภาคแรก  (ประมาณว่าจบไม่ดีเหมือนกับกรณีของ The Hangover Part III)  ในมุมมองของเนื้อเรื่องไม่สลับซับซ้อน เดินเรื่องรวดเร็วและยังคงเรียกเสียงหัวเราะได้เป็นระยะ บทไหลตามเนื้อเรื่องแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก แถมยังมี 2 นักแสดงมาในบทรับเชิญเป็น ฮิวจ์ แจ็คแมน “กษัตริย์อาเธอร์” และ อลิซ อีฟ “องค์หญิงกวิเนเวียร์” เป็นอะไรที่ดูน่ารักสำหรับทั้งคู่นี้ 

ต้นฉบับจาก oknation.net เขียนเมื่อ 24 ธันวาคม 2557 แก้ไขและเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม 27 พฤษภาคม 2558

เฟซบุ๊ค Entertainview 
https://www.facebook.com/pages/Entertainview/172702066075577



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น