วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Avengers: Age of Ultron

มันเป็นเหมือนการคาดหวังว่าครั้งที่ 2 จะต้องดีกว่าครั้งแรกเสมอ แต่ก็ไม่มีสิ่งใดการันตีได้หรอกครับ Avengers: Age of Ultron เหมือนเป็นการพักยกของเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ที่พบงานหลักและมาเจองานรองที่ไม่ค่อยอยากจะรับ

โดยการอ้างไปถึงคฑาของ “โลกิ” ที่แอสการ์ดอยากได้คืน ทำให้กลุ่มอเวนเจอร์สต้องออกตามหา จนไปเจอกับ “บารอน วอน สตรัคเกอร์” (อีกรายของวายร้ายที่มาเร็วและไปเร็ว) และการเลี่ยงบาลีของสตูดิโอมาร์เวลว่า “ควิกซิลเวอร์” และ “สการ์เล็ตต์วิทช์” กำเนิดมาจากพลังของการทดลองทางวิทยาศาตร์จากคฑาควบคุมจิตใจ ไม่ได้เป็น “มิวแทนต์” มนุษย์กลายพันธุ์ของเหล่า X-Men ที่ทางสตูดิโอฟ็อกซ์ได้สิทธิ์ไป

เนื้อเรื่องแบบสรุปง่ายๆคือ “โทนี่ สตาร์ค” ต้องการตำรวจโลกเพื่อป้องกันการรุกรานจากภยันตรายในทุกรูปแบบ จึงได้หาทางสร้างอัลตรอน ปัญญาประดิษฐ์เพื่อคิด วิเคราะห์ แยกแยะ ภัยคุกคามนานัปการ สิ่งที่ผมชอบแบบสะใจคือ ในเมื่อคนสร้างอยากให้หุ่นช่วยคิดแทน แต่ในทางกลับกัน “คนสร้าง” ยังคิดไม่ออกและบางครั้งยังต้องทำลายทิ้งเพื่อสร้างสิ่งใหม่ “อัลตรอน” ก็คิดได้เหมือนกันว่า “งั้นผมก็ทำลายเลยแล้วกัน ง่ายๆ ไม่ยาก” แอบสงสารอัลตรอนเหมือนกันว่าไม่มีพวก แถมโดนเหล่าซูเปอร์ฮีโร่รุมยำ ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่าผดุงความยุติธรรมต่างหาก

ที่แปลกใจคือ “แบล็ควิโดว์” ชอบ “บรู๊ซ แบนเนอร์” ผู้กำกับจอสส์ วีดอน มีมุมมองที่แยกออกมาจริงๆนับแต่สมัยทีวีซีรีส์ Buffy the Vampire Slayer ตัวละครผสมกันคละกันได้ไปหมด แต่นั่นมันทีวีที่แบ่งเป็นตอน ทำให้พอมีคำอธิบายความเป็นมา แต่ในหนังเริ่มต้นก็หักมุมบอกชอบกันทันที รวมถึง “นาตาชา” จะสวยในแบบผมสั้น (วีดอน) หรือเซ็กซี่ในแบบผมยาว (รุสโซ่)  ส่วน “สตีฟ โรเจอร์ส” ตอนจบของ Captain America: The Winter Soldier กำลังจะไปตามหา “บัคกี้ บาร์นส” แต่กลับมารวมกันเฉพาะกิจ ทำให้รู้สึกความไม่ต่อเนื่องของเหตุการณ์ แต่มีข่าวออกมาว่าความยาวภาพยนตร์ของจริงมัน 3 ชั่วโมงกว่า แต่ผู้กำกับตัดเหลือ 2 ชั่วโมง 20 นาที (นึกถึง Titanic เลย) ฉากแห่งการรอคอยไม่ใช่ตอนรวมพลังต้านทานเหล่าหุ่นยนต์ของทีม แต่เป็น “ฮัลค์” ปะทะ “ฮัลค์บัสเตอร์” ครับเพราะตอนเรียกเกราะมารวมร่าง รวมถึงเปลี่ยนอะไหล่แขนใหม่มันเท่ห์มากจริงๆ


คงต้องคิดเป็นว่าเราเชื่อม The Avengers ภาคแรกต่อกับภาคสอง Age of Ultron เพื่อไม่ให้อารมณ์สะดุด นอกจากนี้มีไข่อีสเตอร์สเยอะมาก รวมถึง “อินฟินิตี้เจมส์” ก็ตามกันเหนื่อยแล้วครับ  คิดว่าพลังดาราที่มารับบทซูเปอร์ฮีโร่อย่าง  ดอน เชียเดิล “วอร์แมชชีน”, อลิซาเบ็ธ โอลเซ่น “สการ์เล็ตวิทช์” , แอนโธนี่ แม็คคี “เดอะฟอลค่อน” และล่าสุดกับ พอล เบ็ททานี่ “วิชั่น” ยังไม่พอที่ทางสตูดิโอจะนำมาเป็นทีมอเวนเจอร์สใหม่ได้แน่นอน  จึงจำเป็นต้องทดสอบพลังกันอีกครั้งใน Captain America: Civil War ที่เราจะได้ชมกันในปีหน้าพร้อมกับ การมาถึงของ “สไปเดอร์-แมน” คนใหม่ที่คาดว่าน่าจะเป็น อาซ่า บัทเตอร์ฟิลด์ ที่มีผลงานที่ผ่านมาอย่าง Hugo, Ender’s Game, The Boy in the Striped Pyjamas และ X+Y

ทิ้งท้ายคือมาร์เวลเริ่มเปลี่ยนบท "โทนี่ สตาร์ค" ของโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ให้ไม่มากเกินกว่า "สตีฟ โรเจอร์ส" ดาวนีย์ เซ็นต์สัญญากับทางสตูดิโอเป็นเรื่องๆไป สังเกตุได้จาก AOU คือสัญญาแบบมัดรวมครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเพิ่มสัญญากับภาพยนตร์ Civil War ถ้าตัวละครอื่นไปได้ดี หรือเรียกว่าขายได้แล้ว "ไอร่อนแมน" คงหมดบทบาทในจักรวาลภาพยนตร์ และรอคอยผู้ที่เหมาะสมมารับบท "มหาเศรษฐีพันล้าน สุดแสนจะใจบุญ" ในโอกาสต่อไปครับ 

ติดตามข้อมูลภาพยนตร์ได้ที่ Entertainview https://www.facebook.com/pages/Entertainview/172702066075577?ref=hl



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น