วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2559

The Divergent Series: Allegiant "ปฏิวัติสองโลก"



Entertain Review – The Divergent Series: Allegiant “ปฏิวัติสองโลก” ------- ข้อความบางส่วนจะเป็นการเปิดเผยเนื้อหาภาพยนตร์ ใครไม่อยากรู้เรื่องก่อนข้ามได้เลยครับ

1 ในวรรณกรรมเยาวชนที่ดัดแปลงสู่จอเงินและสามารถเดินต่อได้จนจบวรรณกรรม ที่คอยดูนับแต่ภาคแรก หลายเรื่องที่มาในแนวความคิดดิสโทเปียแต่รายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกันไป ตอนที่ดู Insurgent จบคิดว่าจะไปมีเนื้อเรื่องแบบ Maze Runner: The Scorch Trials หรือเปล่า? หรือจะเป็นแบบ The Hunger Games: Mockingjay Part 1 ที่จะจบแบบมีเรื่องค้างเอาไว้ตอนท้าย?

Allegiant เดินเรื่องต่อไปสำหรับการค้นหาความจริงนอกกำแพง เปิดเรื่องด้วยฉากแอ็คชั่นแบบต่อเนื่องพร้อมกับการปลดตัวละครตัวเดิมจากภาคเก่าทิ้ง ทำให้คิดว่าจะต้องเป็นภาคที่มีแอ็คชั่นมาเยอะ แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้น ระดับงานแอ็คชั่นไม่ได้มากไปกว่าภาค Insurgent และเมื่อถึงกลางเรื่องก็เต็มไปด้วยการไขความลับและบทสนทนาเป็นส่วนใหญ่

บทของ “ทริซ” (ไชลีน วู้ดเล่ย์) ยังคงเด่นอยู่เช่นเดิม และ “โฟร์” (ธีโอ เจมส์) ในภาคนี้ฉากแอ็คชั่นใกล้จะเหมือน “กัปตันอเมริกา” ไปทุกทีคือสามารถสู้กับคนได้ที 4 – 5 คน ส่วนบทรองและด้อยลงไปคือ “โรเบิร์ต” (ไมล์ส เทลเลอร์) เกือบจะไม่ยิงมุขอะไรเหมือนเคยแต่ยังคงขโมยความเด่นได้เมื่อมีโอกาส , “คาเล็บ” (แอนเซล เอลกอร์ท) เป็นตัวละครที่มีส่วนช่วย “ทริซ” เยอะมากในทางอ้อม ยกระดับการเป็นมือแฮ็กเกอร์ไปได้สำหรับตัวละครนี้ แต่ความเด่นของบทก็ยังคงน้อยอยู่ ส่วน “คริสติน่า” (โซอี้ คราวิทซ์) บอกตามตรงว่าพอเข้าเมืองไปแล้ว ลืมเลยว่าเธอมีบทอยู่ด้วย จะกลับมาอีกทีก็ท้ายเรื่องแล้ว
บทตัวร้ายนับแต่ภาคแรกคือ “เจนีน” (เคท วินสเล็ต) ตามด้วยภาคสอง “เอเวอลีน” (นาโอมิ วัตต์ส) และ “เดวิด” (เจฟฟ์ แดเนียลส์) ในภาค 3 ค่อยๆเพิ่มระดับความร้ายเข้าไปเรื่อยๆ ดูเหมือน 2 ตัวร้ายแรกจะกลายเป็นเด็กไปทันที หากเทียบกับรายล่าสุด ข้อสังเกตุจากวายร้ายของผู้ประพันธ์ เวโรนิก้า ร็อธ คือการเป็นผู้นำที่มีอุดมคติแน่วแน่และชัดเจน ทำให้สงสัยว่าในภาคสุดท้าย Ascendant ตัวร้ายจะกลายเป็นคนจาก “โพรวิเดนซ์” ที่ “เดวิด” ทำงานให้เสียมากกว่า

Allegiant ไม่ได้แตกต่างจากภาคก่อนมากนัก แต่รู้สึกสนุกได้มากกว่า สิ่งที่ทำให้ตื่นตาได้พอสมควรคือสเปเชี่ยลเอ็ฟเฟ็คที่ใส่มากับยุทโธปกรณ์ต่างๆที่มาจาก Bureau of Genefic Welfare คิดว่ายังคงเป็นภาพยนตร์ที่คิดว่าสนุกและดูได้เพลิดเพลิน ชอบมากกว่า Insurgent สำหรับความยาว 2 ชั่วโมง 1 นาที (รวมเครดิตตอนท้าย) 

สิ่งที่น่าคิดคือ “เครื่องสอดแนม” สุดล้ำสมัยของ “เดวิด” ที่ทำให้ผู้ใช้งานเป็นเหมือนผีที่มองไม่เห็นในเมืองชิคาโกว่า คำถามคาใจคือเหล่า “ผู้บกพร่อง” จะจัดการกับมันอย่างไรในภาคสุดท้าย Ascendant ที่จะออกฉายในปีหน้า

ขอขอบคุณ WALKER Ent. update อีกครั้งครับ


#TheDivergentSeries #Allegiant #EntertainView

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น