วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2559

Batman v Superman: Dawn of Justice แสงอรุณแห่งยุติธรรม

Entertain Review – Batman v Superman: Dawn of Justice “แสงอรุณแห่งยุติธรรม” ------- ข้อความบางส่วนจะเป็นการเปิดเผยเนื้อหาภาพยนตร์ ใครไม่อยากรู้เรื่องก่อนข้ามได้เลยครับ
เริ่มจากความคาดหวังก่อน กระแสความเห็นและวิจารณ์แตกออกเป็นสองสายคือ ชอบ กับ ห่วย (ไม่ใช่ สุดยอด กับ ใช้ได้) เอาเว็บมะเขือเน่ามาเป็นมาตรฐานเหมือนกับที่เคยกันมาเป็นประเพณีซึ่งต่อไปอาจจะใช้ไม่ได้อีกต่อไป
ถึงตอนโพสต์รีวิวนี้ทุกคนคงรับรู้รายได้ BvS แล้วว่าเป็นอย่างไร ในฐานะติ่งของแบทและซุป ขอบอกว่าหากใครไม่เคยอ่านการ์ตูน, ดูอนิเมชั่น และลงลึกรายละเอียด ยอมรับได้ครับว่าคงจะไม่รู้เรื่องพอสมควร ผู้กำกับแซ็ค สไนเดอร์ ใส่รายละเอียดเยอะมากมายในภาพยนตร์ความยาว 2 ชั่วโมงครึ่ง บางทีอาจมากไปด้วยซ้ำ
เปิดฉากเหมือนเป็นการสดุดีกับ Batman ให้กับเวอร์ชั่นของ คริสโตเฟอร์ โนแลน อีกครั้งกับการตายของ “โธมัส” และ “มาร์ธา เวย์น” ย้อนกลับไปสู่ Man of Steel เพื่อเริ่มต้นการเชื่อมโยงระหว่างซูเปอร์ฮีโร่ทั้งสอง ชั่วโมงแรกต้องใช้เวลาบรรยายเรื่องที่กินเวลาการปะติดปะต่อ และอารมณ์ก็มีสะดุดอีกต่างหาก รู้สึกเหมือนนั่งอ่านการ์ตูนดีซีในแต่ละบท ชัดเจนนับแต่ครึ่งแรกว่าเป็นภาพยนตร์ดราม่าเข้มข้น ยังดีที่ว่าไม่เข้าไปถึงดาร์คดราม่า
ยังคงมีตัวละคร “นายพลสวอนวิค” และ “ผู้พันเฟอร์ริส” จาก Man of Steel ที่จะสามารถเชื่อมโยงกับ “มาร์เชี่ยนแมนฮันเตอร์” และ “กรีนแลนเทิร์น” ในโอกาสต่อไป , บท “โลอิส เลน” ไม่ได้น้อยไปกว่าภาคที่แล้ว ยังคงเป็นนักข่าวสุดแกร่งที่พร้อมลุยทุกสถานการณ์ มีความเป็นมืออาชีพ เหมือนกับ “เพอร์รี่ ไวท์” ของ ลอว์เรนซ์ ฟิชเบิร์น ที่สั่งลูกน้องได้ มีหลักการ พูดตรงประเด็นได้กับทั้ง “คลาร์ค” และ “โลอิส” , บท “อัลเฟรด เพ็นนีเวิร์ธ” ของ เจเรมี่ ไอร่อนส์ ทำให้ดูแตกต่างจากเวอร์ชั่นของ ไมเคิล เคน เน้นความเป็นผู้ช่วยแบบปฎิบัติการภายใน แถมบทกัดเจ้านายได้เรื่อยๆ หลังจากเหตุการณ์สูญเสียคู่หู “โรบิน” ที่ในเรื่องไม่ได้เอ่ยชื่อ “เจสัน ทอดด์” แต่อย่างใด
แร่กัมมันตภาพรังสีจากคริปตัน ยังไม่ได้ถูกเรียกว่า “คริปโตไนท์” อย่างเป็นทางการ , ฉากต่อสู้ทำให้นึกถึงอนิเมชั่น The Dark Knight Returns จริงๆขาดเพียง “กรีนแอร์โรว์” ที่คงยังไม่มีโอกาสได้ขึ้นจอเงินไปอีกหลายปี, ฉากต่อสู้เพื่อเข้าช่วย “มาร์ธา” เป็นอะไรที่ถอดมาจากทั้งเกมส์และอนิเมชั่น จะขำอยู่ก็ตอนที่บอกกับ “มาร์ธา” ว่าผมเป็นเพื่อนลูกชายคุณ คือก่อนหน้านี้พี่กำลังจะหอกปลายคริปโตไนท์เสียบอกลูกชายแม่อยู่เลยนะครับ... ที่นี้กลายเป็นเพื่อนซะแล้วววว
สำหรับการแนะนำสมาชิกที่เหลือใน Justice League ก็มีชั้นเชิงแบบเรียกน้ำย่อยคือให้เห็นโปรไฟล์แต่ละตัวละคร ที่มี “เดอะแฟลช”, “ไซบอร์ก”และ “อควาแมน” ซึ่งหมายความว่า “เล็กซ์ ลูเธอร์” ล่วงรู้แทบจะทุกอย่าง เสียดายเพียงบทที่แสดงโดย เจสซี่ ไอเซ็นเบิร์ก ใส่รายละเอียดได้น้อยไปนิด แต่ เจสซี่ เล่นได้โรคจิตดีมากๆครับ แต่ที่น่าเสียดายกว่าคือตัวละคร “เมอร์ซีย์ เกรฟ” ของ ทาโกะ โอกาโมโต้ เหมือนดอกไม้ประกอบฉากยังไม่มีโอกาสได้แสดงความสามารถเหมือนในอนิเมชั่นแต่อย่างใด
ทิ้งท้ายจากคำพูดของ “เล็กซ์ ลูเธอร์” คือการสั่นระฆังสู่ห้วงอวกาศที่มีศัตรูที่ร้ายกาจคือ “ดาร์คไซด์” จากดาวอโพโคลิพส์ ที่มีสัญลักษณ์โอเมก้าบนผืนทะเลทรายในความฝันของ “บรู๊ซ เวย์น” และมีลูกสมุน “พาราดีมอนส์” เป็นกองทัพเอเลี่ยนบินได้
สรุปคืออาจดูมากไปสำหรับคนที่ไม่ใช่คอภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่แบบเจาะลึก ทำให้สับสนและเบื่อได้ในช่วงครึ่งแรก ต้องรอกันจนถึงครึ่งหลังก็จะสู้กันแบบไม่หยุดหย่อน แต่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเหล่าตัวละครจากดีซีคงจะถูกใจเพราะภาพยนตร์มีหลากหลายตัวละครมานำเสนอ และมีหลายประเด็นให้ได้ถกเถียงกัน คงต้องรอเวอร์ชั่น Ultimate Cut ที่ติดเรท R จะมีความยาวภาพยนตร์ถึง 3 ชั่วโมง และมี “บาร์บาร่า กอร์ดอน” ของนักแสดง จีน่า มาโลน จะเป็นอีกครั้งที่ทำให้ได้เนื้อหามาพูดคุยกันอีกรอบ

ติดตาม FB Entertainview ได้ที่นี่ครับ --> https://www.facebook.com/Entertainview-172702066075577/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น