วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

X-Men: Apocalypse


Entertain Review – X-Men: Apocalypse  ------- ข้อความบางส่วนจะเป็นการเปิดเผยเนื้อหาภาพยนตร์ ใครไม่อยากรู้เรื่องก่อนข้ามได้เลยครับ

เรียกกันแบบง่ายๆนี่คือการรีเซ็ทช่วงเวลาแฟรนไชส์ X-Men ใหม่เป็นที่เรียบร้อยได้ทีมเดิมเหมือนยุคแรก X-Men (2000) ไม่ว่าจะเป็น “จีน เกรย์” , “ไซคล็อปส์”, “สตอร์ม” โดยมี “ศาสตราจารย์เอ็กซ์” ที่พร้อมแล้วเพราะ หัวล้านเรียบร้อย…

นอกจากนี้ยังทำให้ “มิสทีค” และ “แม็กนีโต้” ที่อยู่คนละฝ่ายนับแต่ฉบับเก่า กลายเป็นพันธมิตรอีกด้วย ที่เหลือคงต้องเป็นการหาศัตรูที่แข็งแกร่งออกมาให้เหล่าซูเปอร์ฮีโร่ได้ทำการปกป้อง สงสัยอยู่ว่าหาก ฮิวจ์ แจ็คแมน ถอนตัวหลังเล่น Wolverine 3 ในปีหน้า ไบรอัน ซิงเกอร์ จะหาใครมาแทน แต่ก็สมควรแก่เวลาแล้วเพราะรุ่นใหม่นักแสดงรุ่นหนุ่มกันหมด แค่เห็น “วูลฟ์เวอรีน” กับ “จีน เกรย์” ด้วยกันก็มีอารมณ์ขัดนิดๆเพราะความต่างกันของอายุนักแสดง

บทภาพยนตร์เกลี่ยกันไปตามจำนวนนักแสดงเพราะถือว่ามากมาย แต่ยังดีที่เน้นเรื่อง “อีริค” ให้เดินต่อ ส่วน “เรเว่น” เหมือนเป็นผู้พิทักษ์เหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ และ “ชาร์ลส” กับ “แฮ็งค์” ก็มาเป็นแพ็คคู่เพราะไม่จำเป็นต้องเล่าอะไรเพิ่มเติมอีก เสริมด้วยทีม Defend ใหม่อย่าง “สก็อตต์ ซัมเมอร์ส / ไซคล็อปส์” , “จีน เกรย์” , “ปีเตอร์ แม็กซิมอฟฟ์ / ควิกซิลเวอร์” และ “เคิร์ท แว็กเนอร์ / ไนท์ครอว์เลอร์” ฝ่ายนี้ที่น่าเสียดายคือตัวละคร “จูบิลี่” ของ ลาน่า คอนดอร์ แทบไม่มีบทอะไรเลย

ขโมยซีนได้อยู่คือ “ควิกซิลเวอร์” ของ อีแวน ปีเตอร์ส หลังจากมีบทใน X-Men: Days of Future Past แล้วเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชม และเป็นตัวละครที่พาเรื่องเดินหน้าไปได้เรื่อยๆจนท้ายสุดมีบทบาทสำคัญคือ “จีน เกรย์” ของ โซฟี เทอร์เนอร์ ที่ต่อสู้ด้วยการปลดปล่อยพลังเพลิงจนทำให้เห็นว่าเธอคือ “ฟีนิกซ์”

ส่วนทางทีม Destroy ตอนแรกคิดว่า Apocalypse จะมีมิติมากกว่านี้เพราะเริ่มต้นเหล่าจตุรอาชาชุดเดิมมีฝีมือดีจริงแถมมีความจงรักภักดี คิดว่าถูกต้องอยู่อย่างคือสิ่งที่วายร้ายตัวม่วง (อีกแล้ว ทำไมวายร้ายเก่งๆต้องสีม่วง???) เขาต้องการการควบคุมจิตใจของทุกคน จึงต้องสวมร่างมนุษย์กลายพันธุ์คนแล้วคนเล่า แผนการณ์ยังไม่เสร็จสิ้นดีการพ่ายแพ้ต่อทีมเวิร์คเสียก่อน จริงๆแพ้เพราะจตุรอาชาแปรพักตร์

ฝ่ายนี้น่าเสียดายมี 2 คนคือ “ไซล็อค” ของ โอลิเวีย มันน์ แทบไม่มีบทอะไร เน้นแอ็คชั่นอย่างเดียว ส่วน “แองเจิ้ล” ก็พอจะออกมามีความรู้สึกอยู่บ้าง เศร้า เสียใจ แต่ถูกเน้นไปที่งานแอ็คชั่นมากกว่า , “สตอร์ม” ก็มาจากจุดเริ่มต้นคือเป็นเด็กฉกชิงวิ่งราว จำได้ว่าต้นกำเนิดเธอเป็นแอฟริกามากกว่า (อันนี้จำไม่ได้แล้ว คงต้องไปเปิดดูข้อมูลใหม่) หวังว่าทั้งสองนางจะมีบทมากกว่านี้ในภาคต่อไป (ถ้าภาพยนตร์ทำเงิน)

ไม่พูดถึงไม่ได้คือ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ จากภาคแรก X-Men: First Class ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก หลังจากเริ่มเป็นตัวแม่ของวงการ “มิสทีค” ได้รับการปรับเปลี่ยนให้มีความโดดเด่นเช่น “แม็กนีโต้” ต่างกับฉบับเก่าไตรภาคแรก ตอนนี้ทีมใหม่ถูกเซ็ตรูปร่าง หน้าตา เครื่องแบบเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับห้องจำลองการต่อสู้แบบ X-Men: Last Stand ที่มีหุ่นให้ฝึกฝีมืออย่าง “เซนทิเนล”,
บทรับเชิญของ “วูลฟ์เวอรีน” ว่าด้วย Weapon X เพื่อเชื่อมต่อกับ Wolverine 3 หรืออาจเป็น Deadpool ก็ได้ ถ้าจะเชื่อมก็มีมากมายหลายวิธี แถมด้วย Essex Corp ของวายร้าย “มิสเตอร์ซินิสเตอร์”

สรุปคือชอบนะ แม้หนังจะยาว 2 ชั่วโมงครึ่ง ไม่ได้เน้นต่อสู้แหลกลาน เอาชนะให้ตายกันไปข้าง ไบรอัน ซิงเกอร์ ทำให้นึกถึง X-Men (2000) ที่เน้นวางแผนและทีมเวิร์ค เท่าที่นึกออกยังขาด “โร๊ก”, “โท๊ด” , “ไอซ์แมน”, “ไพโร” เพียงแต่ถ้าตัวละครเยอะกว่านี้คงต้องขยายเป็น 3 ชั่วโมงแล้วมั้ง?

#XMenApocalypse  #JenniferLawrence #JamesMcAvoy #NicolasHoult #MichaelFassbender #TyeSheridan #SophieTurner #AlexandraShipp #BenHary #OliviaMunn #EvanPeters #OscarIsaac #RoseByrne #EntertainView

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น