วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Captain America: Civil War ศึกฮีโร่ระห่ำโลก


Entertain Review – Captain America: Civil War “ศึกฮีโร่ระห่ำโลก” ------- ข้อความบางส่วนจะเป็นการเปิดเผยเนื้อหาภาพยนตร์ ใครไม่อยากรู้เรื่องก่อนข้ามได้เลยครับ
จากผลงานการกำกับ Captain America: The Winter Soldier ที่มีความเป็นดราม่าผสมความสนุกสนานได้เป็นอย่างดีของพี่น้องรุสโซ่ เริ่มต้นเรื่องด้วยปฏิบัติการณ์ของเหล่า Avengers ภายใต้การนำของ สตีฟ โรเจอร์ส เจอศัตรูเก่าคือ “บร็อค รัมโลว์” ที่ตอนนี้กลายเป็น “ครอสส์โบนส์” ไปแล้ว แม้จะมีการฝึกแต่เมื่อลงสนามจริงสามารถเกิดผิดพลาดขึ้นมาได้ เป็นสาเหตุการทำข้อตกลงกับสหประชาชาติ ที่แตกต่างจากในหนังสือการ์ตูน
จุดเด่นคือการนำตัวละครซูเปอร์ฮีโร่หลากหลายตัวมารวมอยู่บนเจอเพื่อสร้างความตื่นเต้น ผู้กำกับ ใช้สิ่งที่มีอยู่ในหนังสือการ์ตูนอย่างการเปิดตัวฮีโร่ “สไปเดอร์-แมน” ในวัยเด็กที่มาพร้อมกับ “ป้าเมย์” สุดสวย (เปลี่ยนเป็น “น้าเมย์” ก็ยังได้เลย) ต่างจากการ์ตูนไปมาก ส่วนตัวละครที่ลักษณะตรงกันข้ามคือ “แบล็คแพนเธอร์” ที่มีความนิ่งและเท่ห์ได้อยู่ ที่สำคัญชุดที่ใส่คือ “ไวเบรเนี่ยม” ทั้งตัว งานนี้ไม่ต้องห่วงว่า “กัปตันอเมริกา” จะมีโล่แค่อันเดียวอีกต่อไป และยังมีมุขร่างยักษ์ “แอนท์-แมน” ที่กลายเป็น “โกไลแอ็ธ”
ฉากต่อสู้ในสนามบินเป็นอีกจุดเหมือนกันที่เมื่อรวมกันแล้วผมรู้สึกว่ามันไม่ได้ให้ผลอย่างที่คิด “สไปดี้” พูดมากน่ารักอย่างในอนิเมชั่น แต่ส่วนอื่นก็ออกมาแบบยั้งๆเพราะเป็นเพื่อนมาจับกันเองทำให้ลงมือกันแบบไม่เต็มที่ เลยคิดว่าไม่เหมาะจะเป็นคำว่า Civil War ที่หยิบมาจากหนังสือการ์ตูน หาก “ธอร์” อยู่คงพูดเหมือนใน Avengers ภาคแรกว่า “พวกเจ้ามนุษย์โลก ช่างง้องแง้งกันจริงๆ”
ฉากที่ดีมีความเป็นดราม่าคือบทสนทนาของ “นายพลรอสส์” ที่มีต่อกลุ่มอเวนเจอร์ส กับประโยคเด็ด “นิวเคลียร์” หายไป 2 ลูก ถ้าเป็นการทหารแล้วโลกคงวุ่นวายหนักมากเพราะไม่รู้ว่าจะโดนระเบิดในตอนไหน และดราม่าการต่อสู้ของเหล่าเพื่อนรักในจุดไคลแม็กซ์ เมื่อ “โทนี่ สตาร์ค” รู้ความจริงเกี่ยวกับการตายของพ่อและแม่ ถึงจะเหมากับสไตล์ผู้กำกับ Winter Soldier ชมกันไปเพลินๆคิดว่านี่คือ Avengers อีกภาคไม่ใช่ Captain America
แต่ถ้าจะให้สงสารแบบจริงจังคือ “วิชั่น” และ “สการ์เล็ทวิทช์” ทั้งคู่เพิ่งเริ่มต้นชีวิตในโลกของซูเปอร์ฮีโร่ก็มาเจอผู้ใหญ่ตีกันซะแล้ว โดยเฉพาะ “วิชั่น” ที่เคยเป็น “จาร์วิส” ใช้ข้อมูลเป็นบรรทัดฐาน เมื่อมาพบกับอารมณ์ในโลกมนุษย์รวมถึงยังไม่เข้าใจ “อัญมณี” บนหน้าผาก ทำให้เกิดการผิดพลาดได้เหมือน “สการ์เล็ทวิทช์”
เช่นเดิมเมื่อตัวละครเยอะ บทก็โดนเกลี่ยไปคนละเล็กคนละน้อย แต่ระยะทางตั้งแต่ปี 2008 ที่เริ่มต้นด้วย Iron Man จนถึง Civil War รวม 8 ปีทำให้มีเวลาแจกแจง ลงรายละเอียดได้ ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดถึงที่มาที่ไป ยังคงเดินหน้าต่อสำหรับบท Iron Man ที่จะไปปรากฏตัวใน Spider-Man: Homecoming และหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ Infinity War
สรุปคือมีความสนุกลื่นไหลในบทภาพยนตร์แต่จะมีสะดุดในการกระทำของตัวร้ายอย่าง “ซีโม” บ้างว่ามีที่มาเป็นอย่างไรเพราะไม่เหมือนกับในการ์ตูนอีกเช่นเดียวกัน ยังคิดว่าภาค Winter Soldier มีเนื้อหนังมากกว่าภาคนี้
ภาพประกอบมาจากหนังสือการ์ตูนนะครับ ปรับเปลี่ยนบทไปตามยุคสมัยและเหตุผลทางจักรวาลภาพยนตร์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น