Entertain Review – Star
Wars: The Last Jedi
สปอยล์รออยู่ข้างหน้า
ใครไม่อยากรู้เรื่องก่อน ยังไม่ต้องอ่านนะครับ+++
-------------------------------------------------------------------------------
ในฐานะสาวกมหากาพย์แห่งดวงดาวที่ติดตามมาแต่ยังเป็นเด็ก
นี่คือบทภาพยนตร์ที่ฉีกกฎและรูปแบบ “พลัง” ของนิกายเจได
ไม่ว่าจะเป็นการที่ “เลอา”
มีพลังชั่วขณะในห้วงอวกาศ , การสนทนาข้ามดวงดวงระหว่าง “เรย์” กับ “ไคโลเร็น” แต่ฉากที่ทำให้รู้สึกปลื้มมากที่สุดเป็นการปรากฎตัวของ
“โยดา” ที่มาแนะนำการปล่อยวางเรื่องเก่าๆและการยึดมั่นถือมั่นในคัมภีร์ศาสนาเจได
เหมือนกับที่หนังจะบอกแฟนรุ่นลายครามอย่างผมว่า “ถึงเวลาเปลี่ยนมุมมองใหม่ๆได้แล้ว
ลืมเรื่องแบบเก่าๆไปซะ” และสุดท้ายที่พัฒนาบทไปถึง “ลุค” ถอดจิตมาอีกดวงดาว

บทที่น่าสงสารสำหรับผม -à “นายพลฮักซ์” กับ “ฟาสม่า”
ไม่รู้ว่าอันไหนน่าสงสารมากกว่ากัน รายแรกมาติดตลกแถมเจ็บตัว
ส่วนรายหลังบทก็น้อยเสียเหลือเกิน
ส่วนที่ยังปล่อยให้คลุมเคลือกันไปก่อนคือ
“ดีเจ” ของนักแสดง เบนิซิโอ เดล โทโร่ ขโมยซีนกับมาดกวนๆได้ดีมาก
คิดว่านี่คือตัวละครที่ “แมซ คานาต้า” แนะนำให้ไปหาที่ดาวแคนตาไบต์อย่างแน่นอน
(แต่คงสะดุดอะไรสักอย่าง)
งานสเปเชี่ยลเอ็ฟเฟ็คคงไม่ต้องพูดถึงแต่ชอบฉากในห้องของ
“สโน๊ค” ที่มีสีแดงกับองครักษ์ชุดแดงสีตัดกันดี
กับฉากการต่อสู้บนดาวที่มีพื้นสีขาวตัดด้วยสีแดงที่มาจากรอยยานขับเคลื่อน
(ที่ในหนังบอกว่าเป็นเกลือบนดาว) ให้ภาพสวยมาก
ถือเป็นการวางบทต่อเนื่องไปถึง
Episode IX ต่อไปได้เลย วายร้ายใหม่,
เจไดใหม่ และทีมกบฎใหม่ แถมทิ้งเชื้อไว้อีกว่ายังเหล่าอัศวินเจไดที่เกิดขึ้นมาใหม่และพร้อมที่จะได้รับการฝึกฝนต่อไปในอนาคต
คิดถึง แคร์รี่ ฟิชเชอร์ จริงๆ แอบเสียดายอยู่เหมือนกันว่าให้ “ฮาน” ตาย
แถมด้วยการจากไปของ “ลุค” ยังดีที่ว่ารายหลังคงมาในรูปแบบของ “พลัง”
ได้หากบทสนับสนุนให้มีในอนาคต
#EntertainView #StarWars
#TheLastJedi #MarkHamill #CarrieFisher #DaisyRidley #JohnBoyega #OscarIsaac
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น